Gastric Navamin9

ชีวิตใหม่ น้ำหนักใหม่ ความสุขใหม่

ผ่าตัดลดขนาดกระเพาะโดยศัลยแพทย์ชั้นนำระดับประเทศ ประสบการณ์กว่า 10 ปี ให้การรักษามากกว่า 3,000 ราย พร้อมดูแลคุณตลอดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ

สนใจรับคำปรึกษา

ลงทะเบียนด้านล่างเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ

คุณสมบัติเด่น

แผลเล็กเจ็บน้อย

ผ่าตัดผ่านกล้อง ฟื้นตัวไว

รวดเร็วและยั่งยืน

ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนักตัวอีกต่อไป

มาตรฐานสากล

โรงพยาบาลได้รับการรับรอง JCI จากสหรัฐอเมริกา

วิธีการผ่าตัด

  • การผ่าตัดแบบสลีฟเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวิธีที่มีประสิทธิภาพ แต่ไม่ซับซ้อนมาก
  • การผ่าตัดแบบบายพาสเหมาะสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักมากและมีโรคร่วม โดยเฉพาะเบาหวาน
  • การเลือกวิธีที่เหมาะสมควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยพิจารณาจากสภาพร่างกาย โรคประจำตัว และเป้าหมายการลดน้ำหนักของแต่ละบุคคล

การผ่าตัดแบบสลีฟ (Sleeve gastrectomy: SG)

การผ่าตัดแบบสลีฟเป็นวิธีลดขนาดกระเพาะอาหารแบบถาวร แพทย์จะผ่าตัด โดยใช้กล้องขนาดเล็กผ่านรูเจาะที่หน้าท้อง 4-5 รู แล้วตัดกระเพาะออกประมาณ 75-80% ทำให้กระเพาะมีรูปร่างเหมือนแขนเสื้อหรือกล้วย และมีความจุเหลือเพียง 150 ซีซี (จากปกติประมาณ 1-1.5 ลิตร)

 

ข้อดีของวิธีนี้:

  • ลดน้ำหนักได้มากและมีประสิทธิภาพ
  • ลดการผลิตฮอร์โมนความหิว
  • ไม่มีผลต่อการดูดซึมสารอาหาร

การผ่าตัดแบบบายพาส (Roux-en-Y gastric bypass)

การผ่าตัดแบบบายพาสเป็นวิธีที่ซับซ้อนกว่า แต่ให้ผลลัพธ์ในการลดน้ำหนัก ที่มากกว่ามากกว่าวิธีอื่น แพทย์จะใช้กล้องขนาดเล็กผ่านรูเจาะที่หน้าท้อง 5-6 รู เพื่อทำการผ่าตัด โดยแบ่งกระเพาะเป็นส่วนเล็กๆ ขนาดประมาณ 30 มล. (1-2 ออนซ์) จากนั้นจะตัดลำไส้เล็กส่วนต้น แล้วนำปลายส่วนล่างมาต่อกับกระเพาะส่วนเล็กที่แบ่งไว้ แล้วจึงนำลำไส้เล็กส่วนต้นที่ยังติดกับกระเพาะส่วนใหญ่มาต่อกับลำไส้เล็กอีกจุด ทำให้เกิดรูปตัว Y

ข้อดีของวิธีนี้:

  • ลดน้ำหนักได้มากที่สุดในระยะยาว
  • ช่วยควบคุมโรคเบาหวานได้ดี
  • แก้ปัญหากรดไหลย้อนได้

ชีวิตใหม่หลังการรักษา

น้ำหนักลดลง 20 กก. ภายใน 6 เดือน
ก่อนผ่า 75 กก. หลังผ่า ณ ปัจจุบัน 55 กก. 

30 ปีแห่งการพัฒนาสู่การดูแลสุขภาพระดับมาตรฐานสากล

เริ่มต้นจากความตั้งใจดูแลชุมชนเมื่อสามทศวรรษก่อน เติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยความมุ่งมั่นยกระดับการรักษาจนได้รับการยอมรับมาตรฐาน JCI จากประเทศประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเรามุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำด้านการดูแลสุขภาพในภูมิภาค พร้อมมอบการรักษาระดับสากลให้แก่คุณและครอบครัว เพราะเราเชื่อว่าสุขภาพที่ดีคือรากฐานของชีวิตที่มีความสุข

คำถามที่พบบ่อย

ผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ตั้งแต่ 32.5 ขึ้นไปและมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือผู้ที่มีค่า BMI ตั้งแต่ 37.5 ขึ้นไปโดยไม่มีโรคประจำตัว สามารถพิจารณาการผ่าตัดได้

BMI คำนวณจากสูตร: น้ำหนัก (กก.) / (ส่วนสูง (ม.))² เช่น น้ำหนัก 70 กก. ส่วนสูง 1.70 ม. BMI = 70 / (1.70 x 1.70) = 24.22 เกณฑ์สำหรับคนเอเชีย:

  • ต่ำกว่า 18.5: น้ำหนักน้อย
  • 18.5 – 22.9: น้ำหนักปกติ
  • 23.0 – 24.9: น้ำหนักเกินเล็กน้อย
  • 25.0 ขึ้นไป: น้ำหนักเกินมาก

โดยทั่วไป ผู้เข้ารับการผ่าตัดสามารถลดน้ำหนักได้ประมาณ 50-70% ของน้ำหนักส่วนเกิน ภายใน 1 ปีหลังผ่าตัด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต

ตัวอย่างเช่น:

  • ถ้าคนสูง 170 ซม. น้ำหนักปัจจุบัน 100 กก.
  • น้ำหนักที่ควรจะเป็นตาม BMI 25 คือ ประมาณ 72 กก.
  • น้ำหนักส่วนเกิน = 100 – 72 = 28 กก.
  • 50-70% ของน้ำหนักส่วนเกินคือ 14-19.6 กก.

โดยทั่วไป ผู้ป่วยจะต้องนอนโรงพยาบาลประมาณ 4 คืน (1 คืนก่อนผ่าตัดและ 3 คืนหลังผ่าตัด) หลังจากนั้นสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงการยกของหนักมากกว่า 5 กิโลกรัมใน 1 เดือนแรก

  • 0-2 สัปดาห์: อาหารเหลว
  • 2-4 สัปดาห์: อาหารอ่อน
  • หลัง 1 เดือน: อาหารปกติ แม้จะสามารถรับประทานอาหารปกติได้หลัง 1 เดือน แต่ควรรับประทานในปริมาณน้อยลง เคี้ยวให้ละเอียด และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีแป้ง น้ำตาล และไขมันสูง โดยเฉพาะใน 6 เดือนแรก